ระบบการบำบัดน้ำสำหรับสระว่ายน้ำ
มี3ระบบคือ
1.ระบบคลอรีนเป็นระบบเก่าที่ใช้สารคลอรีนสำหรับการบำบัดน้ำในสระ มักจะมีสารคลอรีนหลงเหลือในสระว่ายน้ำเป็นปริมาณมาก ทำให้ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย เนื่องจากผลข้างเคียงของคลอรีน เช่น ตาแดงจากการระคายเคือง ผมเสียเปลี่ยนสี ผิวหนังแพ้ แห้ง ลอก หรือเป็นผื่นแดง ทั้งยังต้องคอยตรวจปริมาณคลอรีนในน้ำตลอดเวลาเพราะถ้าปริมาณคลอรีนไม่เพียงพอในการฆ่าเชื้อโรค จะทำให้เกิดอันตรายจากการติดเชื้อได้
2.ระบบน้ำเกลือเป็นการใช้เกลือธรรมชาติในการบำบัดน้ำในสระโดยผ่านเครื่องแยกเกลือ สามารถควบคุมการฆ่าเชื้อโรคในสระได้ตลอดเวลา โดยการละลายเกลือให้เป็น Sodium hypochlorite10% (NaCl-electrolytic process-sodium hypochlorite) น้ำในสระมีความเค็มเพียงครึ่งหนึ่งของน้ำตาคนเท่านั้น จึงไม่เกิดการระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นอีกด้วย น้ำในสระไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนระบบอื่น และน้ำเกลือยังช่วยให้เราลอยตัวว่ายน้ำได้ง่ายขึ้น จึงเหมาะสำหรับเด็กที่เริ่มเรียนว่ายน้ำ จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียพบว่า "สระน้ำเกลือช่วยลดสาเหตุการจมน้ำเสียชีวิตของเด็กเล็กได้ดีกว่าสระน้ำทั่วไป"
3.ระบบโอโซนเป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีศักยภาพสูงมาก แต่เมื่อโอโซนได้ผ่านน้ำและทำการฆ่าเชื้อโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โอโซนก็จะระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่น้ำสะอาดที่ลงสู่สระว่ายน้ำ ทำให้น้ำที่อยู่ในสระประมาณ3-6ชั่วโมงนั้นไม่มีอะไรไปฆ่าเชื้อโรคเลยจนกว่าน้ำจะกลับมาผ่านโอโซนอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อมีคนนำเชื้อโรคลงในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเชื้ออะไรก็ตาม เชื้อนั้นก็จะอยู่ในสระปนไปกับน้ำ ทำให้เกิดโรคติดต่อแก่ผู้ลงเล่นน้ำในสระเดียวกันได้ บางประเทศจึงมีกฎหมายสำหรับสระว่ายน้ำห้ามใช้ระบบโอโซนเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ควบคู่กับระบบอื่นด้วย เช่นคลอรีน หรือน้ำเกลือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อของเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ

ระบบบำบัดน้ำที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ คือระบบน้ำเกลือ ซึ่งเป็นระบบบำบัดน้ำในปัจจุบันสำหรับสระว่ายน้ำที่แนะนำให้ใช้ตามคลับเฮาส์ โรงเรียน โรงแรม และรีสอร์ท ดังนั้นทาง Baby frog pool ของเราจึงเลือกใช้ระบบน้ำเกลือนี้เป็นระบบบำบัดน้ำของเรา